๕/๒๐/๒๕๕๒

การให้อภัย...คือการให้ที่ยิ่งใหญ่

การที่คนหนึ่งคนต้องเผชิญกับภัยคุกคามโดยอาวุธอิเล็คทรอแมคเนติกหรือ infrasound อย่างต่อเนื้องโดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสิ้นสุดนั้น ไม่ง่ายเลย ความหงุดหงิดที่ต้อง "รู้สึก" หรือ "สำผัส" กระแสคลื่นเสียงบนร่างกายนั้นทำให้เราไม่มีสมาธิในการทำสิ่งใดๆระหว่างวัน


มันอาจจะแย่...ใช่..แต่พอผมมานั่งคิดทบทวนดูดีๆ ...บางที...การให้อภัย (กับพวกเค้า) ก็ถือเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ มันคือการให้อภัยโดยไม่มีเงื่อนไข

ผมจึงเริ่ม...เรียนรู้ที่จะให้อภัย ...เริ่มเรียนรู้ที่จะคิดบวก หนึ่งหนทางในการดับทุกข์ที่ศาสนาพุทธสอนไว้ก็คืออย่าเลือกที่จะใช้ไฟเพื่อดับไฟ และยิ่งไปกว่านั้นหากสิ่งที่ผมเจอนั้นถูกมองว่าเป็นทุกข์ มันจึงเป็นเช่นนั้นเพราะเราเลือกที่จะมองมันเช่นนั้น ...หากเราเลือกที่จะมองมันเสียใหม่...เราก็จะไม่ทุกข์ (ไม่รู้สึก...ก็ไม่ทุกข์)


ดังนั้นหากผมเริ่มยิ้มรับให้กับการกระทำของพวกจิตวิทยาหมู่ ไม่ว่าด้วยเหตุผลการจองเวรจองกรรมอันใดก็ตาม...สุดท้ายอภัยที่เรามอบให้เขาจะกลายเป็นอโหสิกรรมต่อเรา แล้วต่างคนก็ต่างไปหาวิธีชำระปาปกันไป


....ท่ามกลางสถานการณ์เลวร้าย วิธีการนี้ดูเหมือนเป็นแนวทางของผู้ชาญฉลาดที่สุด ที่รู้จักป้องกันภัยให้กับตนเองทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ด้วยการดับต้นเหตุของตัวปัญหาที่มาจาก "กิเลส" ในใจเรานั่นเอง ตอกย้ำความจริงแท้ของชีวิตที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "จงระงับการจองเวรด้วยการไม่จองเวร" เสียเถิด เพราะ " โทษใดเสมอด้วย โทสะ เป็นไม่มี " คอยแต่จะก่อทุกข์ก่อโทษให้ตนเองไม่มีที่สิ้นสุด ผู้ระงับความโกรธเสียได้จึงได้ชื่อว่า ทำสิ่งที่ทำได้ยาก แม้มนุษย์และเทวดาก็สรรเสริญ

.....การรบชนะกับบุคคลอื่นว่าเก่งแล้ว แต่บุคคลผู้รบชนะใจตนเอง ไม่ให้กระทำความชั่วนั้นประเสริฐยิ่งกว่า เพราะเป็นชัยชนะที่ไม่มีวันหวนกลับมาแพ้อีก…ตลอดไป

แล้วอย่างนี้ จะไม่ให้…" อภัย ให้หายแค้น " ได้อย่างไร ?

๕/๑๕/๒๕๕๒

จิตวิทยาเกม คือ วัชพืชตัวร้าย

ในป่าเขตร้อนเป็นที่ที่คุณอาจได้เจอวัชพืชชนิดนึงที่เลื้อยและเติบโตบนต้นไม้ขนาดใหญ่ มันเริ่มจากเมล็ดพันธ์เล็กๆที่ถูกพัดหรือนำพามาโดยนก จนสามารถเติบโตและกัดกล่อนต้นไม้หลายต้น วัชพืชชนิดนี้ดูดทรัพย์อาหารจากต้นไม้ใหญ่เพื่อการเจริญเติบโตของมัน มันโตขึ้นอย่างช้าๆตั่งแต่ในรากและค่อยๆเลื้อยไปตามต้นในที่สุด ใบของมันจะค่อยๆปกคลุมเพื่อแย่งแสงอาทิตย์และรากของมันก็ทำหน้าที่ดูดซึมนำ้และสารอาหารจากเจ้าบ้าน เมื่อถูกโดดเดี่ยวโดยไร้ซึ่งแสงและสารอาหาร ต้นไม้ต้นนั้นก็จะตาย เน่า เหลือเพียงซากของโพรงไม้จากขั้นตอนที่ช้าแต่ชัวร์...วัชพืชมันได้ดูดชีวิตไปจากต้นไม่ที่เคยมีชิวิตชีวาต้นหนึ่ง

ในลักษณะที่คล้ายกันกับพวก gang stalking ที่ใช้จิตวิทยาหมู่ในการครอบงำ ทำให้โดดเดี่ยว และสุดท้ายก็ทำลายเหยื่อ เปรียบเสมือนการเติบโตของวัชพืช กิจวัดของพวก gang stalking นั้นจะค่อยๆพัฒนาอย่างช้าๆในช่วงระยะเวลาหลายเดือนหรือเป็นปีโดยมีเป้าหมายในการห้อมล้อมเป้าหมาย ตัดให้เหยื่อไม่เหลือเพื่อน ครอบครัว และความช่วยเหลือทุกรูปแบบ สุดท้ายเหยื่อจะถูกเฝ้ามองตลอด 24 ช.ม. และหาวิธีต่างๆเพื่อชักนำเพื่อหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง การโจมตีด้วยจิตวิทยาไปนานๆนั้นมักทำให้ความรู้สึกเหยื่อนั้นท่วมท้นไปด้วยความอึ่ง จนเหยื่อมีสภาพจิตที่ไม่สมดุล และ มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึก ยิ่งไปกว่านั้นการถูกโดดเดี่ยวนั้นจะทำให้ไม่สามารถพึ่งใครได้เลย คล้ายกับต้นไม้ที่ถูกวัชพืชห้อมล้อม การตายกำลังจะมาเยือน จิตใจและอารมณ์จะตอบสนองในหลายรูปแบบจากการถูกโจมตีโดยจิตวิทยา ซ้ำแล้ว ซำ้เล่า ชีวิตจะกลายเป็นการถูกคุมขังและไร้คนที่เป็นที่พึ่ง มันคือชีวิตที่ไม่ใช่ชีวิต

๕/๑๓/๒๕๕๒

จะเป็นอย่างไรหากมีอาวุธที่ทำให้เกิดปฏิกริยาต่อร่างกายคุณ และคุณไม่สามารถมองเห็นและได้ยินเสียงมัน แต่สามารถฆ่าคุณได้ในระยะร้อยๆเมตรที่ไกลออกไป?

ลองนึกภาพตามผมดู...คุณกำลังเดินอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน...และแล้วความวุ่นวายก็เกิดขึ้น


อยู่ดีๆคุณรู้สึกเหมือนกำลังจมลงด้วยน้ำหนักตัวของคุณเอง..คุณพยายามดิ้นรนจากมัน แต่ทุกๆทางที่คุณเดินนั้นถูกบล็อก ...เหมือนมีกำแพงที่คุณมองไม่เห็น


ในช่วงเวลาที่สับสนนั้น... คุณได้ยินเสียงรถตำรวจ ...และเมื่อตำรวจมาถึง คุณเห็นพวกเค้าถือสิ่งที่ดูคล้ายลำโพงอันใหญ่


และทันใดนั้นเอง คุณรู้สึกเหมือนว่าจะหายใจไม่ออก...หัวคุณเหมือนถูกกระหนำ่ด้วยอะไรสักอย่างทำให้คุณเดินโซเซแล้วคุณก็คุกเข่าลง


คุณกำลังตั่งสติจากการมึนที่เพิ่งรู้สึก...คุณพยายามที่จะลุกขึ้น แต่กลับเหมือนถูกดูดให้จมบนพื้น...คุณวิตกกังวลกับสื่งที่เกิดขึ้น แต่คุณก็ไม่สามารถขยับตัวได้...แล้วคุณก็ล้มลง!


คุณนอนจมอยู่ตรงนั้น และอาเจียนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ...คุณเห็นผู้คนรอบข้างคุณเริ่มร่วงลงพื้นไปทีละคนเหมือนแมลง


จนในที่สุด ความเจ็บปวดทำให้คุณมองเห็นกลุ่มฝูงชนบิดเบี้ยวไปมาแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินเข้ามาจับคุณ


สิ่งที่ตามมาจากหลังจากประสบการณ์ที่แสนสาหัสนั้นคือทุกอย่างกลับสู่สภาพปกติ


คุณหายจากการเจ็บปวดและอาเจียน ...แต่ก็ยังคงมีคำถามที่เดียวที่ค้างคาในใจ "เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของคุณก่อนหน้านี้?"


คุณไม่ได้ถูกยิงโดยลูกปืนยาง.. คุณไม่เห็นแกสน้ำตาบนถนน... ไม่มีสัญญานอันตรายอะไรเลย แล้วทำไมผู้คนรอบข้างกลับล้มลงเสมือนถูกโรคร้ายอะไรบางอย่างโจมตีล่ะ?


คำตอบนั้นง่ายๆ ...คุณและคนรอบข้างคุณได้ตกเป็นเหยื่อของอาวุธอันตรายชิ้นใหม่ - มันคือ infrasound

๕/๐๔/๒๕๕๒

Enemy of the State

อยู่มาเช้าวันหนึงผมสะดุ้งตื่นขึ้นจากเตียงแล้วพบว่าผมได้กลายเป็น "ศัตรูของรัฐบาล" หรือที่เรียกว่า enemy of the state (คล้ายในหนังของ Will Smith เลย) ชิวิตที่ถูกทำให้สับสนและยุ่งเหยิงในแบบที่พูดไม่ออกและบอกไม่ถูก ซึ่งผม(...และคงอีกหลายคน)นั้นไม่ได้บังเอิญเกิดมาเป็นพระเอก Hollywood เหมือน Will Smith ที่จะสามารถ "สวนเกล็ด" และโค้นอำนาจมืดในมือของรัฐบาลได้ โอเค...คุณอาจถามว่าที่ผมที่ ได้รับบท enemy of the state มันต้องมีที่มาที่ไปสิ...ก็จริงอยู่ บางทีผมเองอาจไม่ใช้คนดีสักเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ใช่คนเลวแน่นอน หากผมได้ไปขัดขาใคร หรือทำอะไรผิดไป(ในสายตาคนบางกลุ่ม) ทำไมผมถึงไม่ได้สิทธิในการต่อสู้ตามขั้นตอนที่ยุติธรรมล่ะ กฏหมายจะมีไว้ทำไม ในเมื่อระบบศาลเตี้ยนั้นกำลังครอบงำประเทศ ครอบงำระบบการปกครอง รวมถึงสิธิมนุษย์ชนของคนไทย ผมผิด...เมื่อศาลเตี้ยบอกว่าผมผิด และหากผมไม่ผิด...ศาลเตี้ยน่ะเหรอที่จะเป็นผู้ชดใช้?

เหยื่อหลายคนจะถูกทำให้โดดเดี่ยวและถูกทำให้ตกงานและทำให้ไร้ซึ่งทรัพยากรในการดำรงชีวิตรวมทั้งถูกจำกัดคนรอบข้างที่คอยช่วยเหลือ โดยส่วนใหญ่มักลงเอยด้วยการฆ่าตัวตาย บ้างก็ถูกบำบัด(เพราะถูกมองว่าบ้า) บ้างก็ถูกจับกุม อุบัติเหตุทางรถยนต์ อุบัติเหตุรูปแบบอื่นๆ ถึงขั้นฆาตรกรรมอำพรางก็มี

การถูกคุกคามในลักษณะนี้เปรียบเสมือน "สงครามจิตวิทยา" ที่เหยื่อทั้งหลายนั้นไม่ได้เตรียมรับมือมาก่อน แต่ก็ต้องหาทางรับมือหากคิดที่จะรอด การเอาตัวรอดนั้นกลับกลายเป็นอะไรที่มากกว่าแค่ "สงครามจิตวิทยา" เพราะชีวิตของเหยื่อจะถูก scan โดยละเอียด ทุกความเคลื่อนไหว ความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ทุกๆคำพูด คุณจะคนกลุ่มนี้ล้วงความลับในทุกๆด้านของคุณ กิจกรรมส่วนตัว พรฤติกรรม เนื้อหาการประชุมที่บริษัท ธุรกิจส่วนตัว ธุรกิจครอบครัว ... ทุกๆอย่าง จะถูกเก็บเข้าฐานข้อมูลเพื่อนำมาใช้กับคุณ มันก็คือ information warfare นั้นแหละ ... รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ อย่าให้เค้ารู้อะไรเลยเกี่ยวกับเขา หลังจากนั้นคลังข้อมูลของคุณจะถูกประเมิณเพื่อออกแบบกลยุทธ ที่ใช้ "ดักทาง ลักไก่ และ ตีกิน" คุณ โดยมีเป้าหมายในการทำให้คุณตกงาน ทำให้ขาดรายได้ พวกเค้าจะทำทุกวิธีในการทำให้คุณถูกเนรเทศออกจากสังคมที่คุณอยู่ ออกจากครอบครัวและเพื่องฝูง และพวกเค้ามีความเชี่ยวชาญมากซะด้วย การถูก "ดักทาง ลักไก่ และ ตีกิน" วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า นั้นนอกจากจะทำให้คุณประสาทเสียแล้ว ยังจะทำให้คุณรู้สึกว่าโลกทั้งใบไม่เข้าข้างคุณเอาซะเลย หนำซ้ำมันยังร่วมกันทำเป็นขบวนการที่จะคอยร่วมด้วยช่วยกันพาคุณ "นอยด์" สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ไม่ไกลเกินความเป็นจริงแน่นอน...หากวันนึงคุณต้องตกเป็นเหยื่อ

ความอยู่รอดของคุณจะกลายเป็นเกมของความสามารถ เล่ห์เหลี่ยม ความชำนาญ และต้องมีโชคด้วย (ดังนั้นอย่าละเลยการทำบุญหรือเข้าวัดล่ะ) พยายามดำเนินชีวิตและหน้าที่การงานให้เป็นปกติที่สุด (เท่าที่จะทำได้) พยายามควบคุมอารมณ์ในที่สาธารณะ (หากจะนอยด์แนะนำให้นอยด์ที่บ้าน) เพราะสิ่งนี้แหละคือสิ่งที่พวกมันอยากเห็น ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในที่สาธารณะจงนิ่งไว้ และพยายามอย่าทำการสื่อสารกับคนเหล่านี้ พวกมันกระหายที่จะเห็นคุณอ้อนวอนขอความเห็นใจ (ซึ่งจะทำให้มันยิ่งรู้สึกหึกเหิมมากขึ้น) อย่าไปคิดว่าพวกมันจะเห็นใจคุณ เพราะสิ่งที่มันทำอยู่นั้นเป็นสิ่งเติมเต็มที่ทำให้มันรู้สึกถึงอำนาจ (ที่หาไม่ได้ในสังคมของมัน) หากคุณเริ่มขัดขืนหรือต่อสู้กับการโจมตีโดยอาวุธอิเล็คโทรแมคเนติก มันจะยิ่งเล่นคุณแรงขึ้น นั้นถือว่าปกติ เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปกลัว พวกมันก็คนเหมือนกัน เดี้ยวมันก็เหนื่อยไปเอง การสร้างเครือข่ายคนรู้จักใหม่ทำให้ยากขึ้นสำหรับพวกมันในการเนรเทศคุณออกจากสังคม หากคุณคิดว่าคุณกำลังตกเป็นเหยื่อ หรือเคยตกเป็นเหยื่อมาก่อน ที่นี่...คือที่ๆคุณสามารถเป็นกระบอกเสียง เพื่อบอกให้กับสังคมไทยเกี่ยวกับองค์กรลับเหล่านี้ที่ทำตัวเป็นศาลเตี้ย แล้วเล่นบท "หมาหมู่" ในการกลั่นแกล้งผู้อื่น

๕/๐๓/๒๕๕๒

Revenge is a dish best serve cold ...




นักการเมืองหรือผู้ใหญ่บางคนในประทศได้ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวกลุ่มคนบางกลุ่ม ... โดยบอกกับพวกเค้าว่ามัน "OK นะ" ที่จะทำผิดหลักมนุษย์ชนของคนบางคน มันอาจเริ่มต้นจากระบบที่มีเป้าหมายและเจตนาที่เป็นบวก ... ทว่าไม่ได้ถูกควบคุมดูแลจึงทำให้ไร้ซึ่งจรรยาบรรณ และนำมาซึ่งการโกงกินกันเอง


ปัจจุบัน...จึงกลายเป็นสองระบบที่เดินขนานกันของระบบยุติธรรม และการล้างแค้น (ในรูปแบบการให้บริการ) ที่ทำกันแบบลับๆเพื่อนำมาถ่วงให้เกิดความสมดุลย์