๖/๑๙/๒๕๕๒

ความหน้าตัวเมียของพวกจิตวิทยาหมู่



เป็นที่รู้กันอยู่ว่าพวกจิตวิทยาหมู่นั้นเป็นพวกหน้าตัวเมีย...นี้เป็นอะไรที่เรารู้กันอยู่แล้ว

เพราะหากเค้าไม่ใช่พวกหน้าตัวเมีย...เค้าก็คงไม่เล่นบทสายลับ...กับชมรมบ้าลัทธิเล็กๆของพวกมัน และสำหรับไอ้พวกที่มีรสนิยมที่มองตัวเองว่าเป็นสมาชิกกลุ่มพลเรื่อนที่ทำโทษอาชญากรแบบศาลเตี้ย ยิ่งมีความเป็นหน้าตัวเมียเข้าไปใหญ่ หากพวกมันเชื่อว่าเหยื่อนั้นมีความผิด ไม่มากก็น้อย แต่ทำไมไม่กล้ากล่าวหาหรือฟ้องร้องเหยื่อล่ะ? และยิ่งหน้าตัวเมียเข้าไปอีกก็คือพวกที่จะพูดว่า “อ๋อ...อยากได้หลักฐานใช่มั้ย...ไม่ต้องมีก็ได้นิ” มันเป็นความเข้าใจผิดของไอ้พวกโรคจิตที่เพ้อฝันที่จะได้เป็นวีระบุรุษเพื่อที่จะได้ร่วมลงมือคุกคามและเล่นงานคนอื่น ... ความสะใจที่ได้รับจากบทบาทเช่นนั้นทำให้มันรู้สึกเติมเต็ม และมีอำนาจ ที่มันไม่สามารถหาได้ในสังคมชั้นต่ำที่มันอยู่

เฮ้ย...​ไอ้พวกโรคจิต...พวกมึงรู้มั้ยว่ามีคนที่รู้ในสิ่งที่พวกมึงทำ?...ก็พวกมึงไง

ไอ้คนที่ทำเป็นกล่าวหาคนอื่น หรือสั่งให้พวกมึงคุกคามเหยื่อ มันก็ไม่ได้มีบทบาทหรือความรับผิดชอบอะไรนักหนานิ แล้วสิ่งที่พวกมึงทำกัน “คนละนิด คนละหน่อย” ที่พวกมึงเล่นกันอยู่นั้นมันจะทำให้อะไรแตกต่างจากเดิม...จริงเหรอว่ะ?... เพราะสุดท้ายมึงก็ต้องลงเอยด้วยความพยาบาทของพวกมึงเองนั่นแหละ... มันไม่ใช่อะไรที่เหยื่ออย่างกูต้องรับรู้ ... การหาแพะรับบาปที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดและความอ่อนแอมันก็แค่บรรเทาความรู้สึกพวกมึงแค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ สุดท้ายพวกมึงก็ตัดสินกันเอาเองแล้วกันในตัวพวกมึงและการกระทำของพวกมึง

แล้วเมื่อพวกมึงเริ่มกลับมาเล่นงานกูอีก...แล้วก็ทำตอแหล พวกมึงนั่นแหละที่อ่อนแอลง...ส่วนกูแกร่งขึ้น แกร่งขึ้นทั้งขึ้นทั้งร่องน่ันแหละเพราะกูมีจิตสำนึกที่จะสามารถจัดการกับปัญหาและความท้าทายที่อยู่เบื่องหน้าได้...กูสามารถทำมันได้อยู่แล้วไม่ว่าพวกมึงจะเล่นงานกูหรือไม่...คนที่แกร่งอยู่แล้วจะยิ่งแกร่งขึ้นไปอีก...ส่วนพวกที่อ่อนแอ (พวกมึงไง...อย่างน้อย จนถึงตอนนี้) ก็จะยิ่งอ่อนแอลง

อะไรที่ทำให้พวกมึงคิดว่าจะสามารถหลบซ่อนความพยาบาทที่พวกมึงทำกับเพื่อนมนุษย์ได้ว่ะ แทนที่จะใช้อิธิพลของสมองแล้วคิดด้วยตัวของพวกมึงเอง? กูเข้าใจนะ...ว่าบางทีเราอาจอยากเลี่ยงด้วยความโงาเขลาที่จะเผชิญความท้าทายที่อาจดูเหมือนเป็นภัย โดยเฉพาะที่พวกมึงแสร้งมาทำเป็นรู้จักแล้วค่อย black mail เค้าที่หลังเนี้ยก็ถือว่าหน้าตัวเมียสุดขีด...ทั้งๆที่คนๆนั้นเค้าเปิดรับความเป็นมึงและหยิบยื่นมิตรภาพและความรักให้กับมึง...พอกูนึกถึงทีไร...จะรู้สึกเจ็บปวดทุกทีเมือกลับไปจินตนาการความเหี้ยมของพวกมึง ถามหน่อย...มึงต้องโทรหาหัวหน้าของมึงมั้ยหากมึงต้องเลือกว่าจะกินอะไร? ต้องขออนุญาตเหยี้ยวทุกครั้งหรือเปล่า? สิ่งที่กูจะบอกคือพวกมึงขีดเส้นแบ่งตรงไหนว่ะระหว่างเรื่องที่ต้องคิดด้วยตัวมึงเองกับให้คนอื่นคิดแทนพวกมึง?

หากคิดกลับไปในอดีตนะ...ไอ้พวกแบบมึงกับสิ่งที่มึงทำนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรกับพวกนาซี...พวกมึงให้กูได้แค่นี้งี้นเหรอ?...พวกมึงอยากให้สังคมจดจำพวกมึงแบบนี้จริงอ่ะ?...มึงคิดว่าเหยื่ออย่างกูจะเป็นภาระของความแค้นของพวกมึงได้นานสักแค่ไหนกันว่ะ?...เมื่อไหร่พวกลิ่วล้ออย่างมึงจะเลิกตอแหลแล้วเริ่มที่จะคิดได้ด้วยตัวเองซะทีว่ะ?