๔/๒๙/๒๕๕๒

วิชาชีพ...ทำคนนอยด์















ลองคิดดูหากวันนึงคุณเริ่มมาเอ่ะใจว่าเริ่มมีสิ่งที่ไม่สมดุลเกิดขึ้นในชีวิต เช่นรับสายที่โทรผิดบ่อยๆ หรืออยู่ดีๆเพื่อนบ้านก็เริ่มเสียงดัง หมาข้างบ้านเห่าแบบไม่มีสาเหตุ อะไรก็ได้ที่คุณพอจะนึกออก เพราะอะไรก็ได้ที่ทำให้เกิดเสียงดังระหว่างวันโดยคนกลุ่มนั้นดูเหมือนว่าจะแบ่งกะเพื่อสามารถรบกวนคุณได้ทั้งวันเสียด้วย มีคนป้วนเปี่ยนรอบๆบ้านคุณทั้งวัน เสียงสัญญานกันขโมย เสียงฆ้อนทุบข้างบ้าน (ทุบกันเป็นเดือนๆ) และอื่นๆที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามีคนอยู่รอบข้างคุณมากกว่าวันไหนๆ ไม่ว่าคุณจะไปไหนคนที่คุณไม่รู้จักต่างไอดังๆเหมือนส่งสัญญานอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนที่ยืนคุยกันหรือหัวเราะเมื่อคุณอยู่ใกล้ นั้นมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น และมากกว่าจากเดิมที่เคยเป็นมาหากวัดโดยสถิติ ทำให้คุณรู้สึกว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไร คนพวกนี้จะทำให้คุณเสียสมาธิ สิ่งที่ทำให้เสียสมาธิเหล่านี้จะมีมากขึ้น(รอบตัวคุณ) มากขึ้นในระดับที่เรียกว่ามากกว่าสถิติปกติที่เคยพบมา และเมื่อผ่านวัน ผ่านเดือน หรือผ่านปี ไปปรากฏการณ์บ้าๆนี้ก็ยังดำเนินอยู่ (ฝรั่งเรียกว่า Noise Campaign)

มันคือ organized stalking และเหยื่อที่เป็นเป้านั้นจะเจอสถานการณ์แบบนี้ทุกวัน อะไรที่เป็นเหมือนกับสิ่งผิดปกติของวัน หรือวันซวย กลับเกิดขึ้นกับเหยื่อหลายๆครั้งในแต่ละวันจนหลายคนไม่อาจสามารถบอกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นและคงยากหากจะหาคำจำกัดความ ผมรู้ก็เพราะว่าผมเป็นเหยื่อของ organized stalking เป็นเดือนที่ 8 ที่ผมถูกพวกจิตวิทยาหมู่คุกคามชีวิต และความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน หรือที่ทำงาน สิ่งนี้ณ.ปัจจุบันอาจไม่ได้เป็นอะไรที่น่าสนใจโดยคนทั่วไปและสื่อ แต่ผมเชื่อว่าเรื่องราวของเหยื่อหลายๆคนที่ถูกกลั่นแกล้งนั้นจะเริ่มโผล่ออกมาให้เห็นกันในไม่ช้าโดยเฉพาะบน internet เนื่องจากภัยคุกคามเช่นนี้นั้นเริ่มเป็นที่รับรู้อย่างแพร่หลาย ในระดับที่เกินกว่าความบังเอิญ ในปัจจุบันเหยื่อของ organized stalking นั้นมักถูกมองว่า "เลอะเทอะ" หรือ "เพี้ยน" หากเล่าให้คนรอบข้างฟัง สำหรับตัวผมเอง ผมใช้เวลากว่า 6 เดือน เพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์นี้ (ระหว่างที่ถูกเล่นงานทำให้ผมขาดงานไป 1 เดือนเต็มๆ...เกือบตกงานเลยล่ะ) ปัญหาคือหากผมไม่ออกมาพูดวันนี้ อีกนานแค่ไหนล่ะที่สังคมจะได้รับรู้ว่ามันมีกลุ่มคนประเภทนี้อยู่จริง แถมยังติดอาวุธ hi-tech ที่ใช้คลื่นอิเล็กโทรแมคเนติกเป็นอาวุธเพื่อใช้โดยมีเจตนาก่อกวนและทำลายชีวิตของเป้าหมาย

สาเหตุที่ผมเรียกพวกมันว่าจิตวิทยาหมู่เพราะว่ามันคือกลยุทธที่ใช้ในการครอบงำและ มันถูกใช้เพื่อครอบงำชีวิตของเหยื่อในทุกๆด้าน เหยื่อนั้นจะถูกตามและจะถูกลุกล้ำความเป็นส่วนตัวในทุกๆที่ที่ไปตลอด 24 ชม.โดยหน่วยข่าวกรองที่ใช่หรืออาจไม่ใช้ตำรวจ (คือพวกที่อยากเล่นบทตำรวจหรือสายลับหรือ Cop wanna be) เหยื่อหลายคนถูกคุกคามและเฝ้าติดตาม คุกคามความเป็นส่วนตัว เป็นเดือนหรืออาจเป็นปีก่อนที่จะรู้ว่าตัวเองนั้นตกเป็นเหยื่อ

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการเฝ้าจับตามองของรัฐบาล แต่จะมีสักกี่คนล่ะที่รู้? จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าสิ่งแบบนี้เกิดขึ้นได้กับผู้คนเป็นแสนๆคนในโลกแล้วขณะนี้? เพราะได้มีคนทั่วโลกที่ได้ทะยอยเปิดเผยพฤติกรรมลักษณะนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกๆแห่ง ไม่ว่าจะเป็น USA, UK, Japan, Korea, Russia, China

สิ่งที่พวกเค้าทำนั้นผิดศีลธรรมและไร้ซึ่งมนุษยธรรม และในบางกรณีสิ่งนี้แหละที่ชี้นำให้เหยื่อที่อ่อนแอและลงเอยด้วยการฆาตรกรรมหมู่และฆ่าตัวตาย

ผิดก็คือผิดนั่นแหละ! ไม่สำคัญว่าจะเป็นรัฐบาลที่อยู่เบื่องหลังหรือใครก็ตาม มันก็เหมือนกับพูดว่าการกระทำชำเราผู้อื่นนั้น “OK” หากรัฐบาลเป็นคนทำ แต่มัน “ผิดนะ” หากคนอื่นทำ จริงๆแล้วใครทำก็ผิดนั่นแหละเพราะมันคือการฆ่าและการทรมาณคนอื่น คนปกติทั่วไปเค้าไม่รู้กันหรอกว่าถูกตามอยู่ หรือแม้กระทั้งว่าทำไมรัฐบาจึงอยากจะตามพวกเค้า มันอาจจะง่ายไปหากจะโทษรัฐบาลอีกหน่อยคงเริ่มมีอาชีพรับจ้างในการใช้จิตวิทยาหมู่เล่นงานศัตรู วันนึงหากคุณไม่ได้เป็นเหยื่อ คุณอาจเป็นลูกค้าก็ได้ ... จริงมั้ย?