๔/๒๑/๒๕๕๒

Introduction

ครั้งเมื่อผมได้สัมผัสประสบการณ์ “ทิงนองนอยด์” ด้วยตัวเอง ผมเองก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างในชีวิตผมดูเหมือนปกติดี แต่จริงๆแล้วมันไม่ และในช่องเวลาแย่ๆเหล่านั้นผมได้แต่หวังว่าจะมีใครสักคนที่สามารถอธิบาย หรือเรียบเรียงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับผม เพื่อสนับสนุนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้น มันไม่ใช้ความซวย ไม่ได้เพี้ยน ไม่ได้บ้า แต่จริงๆแล้วกำลังถูกกลั่นแกล้งโดยกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง โดยคนกลุ่มนี้จะใช้จิตวิทยาหมู่เล่นงานเป้าหมาย (ผมจะขอเรียกวิธีที่เค้าใช้ว่า “จ๊ะทิงจา” แล้วกัน) ทำให้ชีวิตของเป้าหมายนั้นฉิบหายแบบช้าๆ ซึ่งเป็นการทรมาร ซึ่งที่อาจใช้เวลาเป็นปี และไม่สามารถเอาผิดอะไรได้เลยทางกฎหมาย

การที่คนหนึ่งคนนั้นถูก
“จ๊ะทิงจา” นั้นเป็นการถูกกลั่นแกล้งโดยใช้หลักจิตวิทยา ที่ทำให้เป้าหมายนั้นโดดเดี่ยวโดยลำพัง และจึงค่อยๆทำลายชีวิตของเป้าหมายเมื่อวันเวลาผ่านไป เช่น ทำให้ตกงาน ทำให้มีปัญหากับครอบครัวหรือกับเพื่อนและคนรอบข้าง ทำให้คนรอบข้างเข้าใจว่าเป้าหมายนั้นมีปัญหาทางจิต วิธีการหรือเทคนิคที่ใช้ในการ “จ๊ะทิงจา” นั้นส่วนมากจะไม่ทิ้งร่องรอยหรือหลักฐานใดๆที่ใช้ในการพิสูตรว่าเป้าหมาย นั้นถูกกลั่นแกล้ง หลายๆคนนั้นถูกเฝ้าติดตาม และถูกกลั่นแกล้งหลายเดือนบ้างเป็นปี ก่อนที่ตัวเองจะรู้ว่าตัวเองนั้นเป็นเป้า ของทีม “จ๊ะทิงจา” มันคือวิธีที่กลุ่มคนเหล่านี้ใช้เพื่อควบคุมความประพฤติเป้าหมาย หรือเพื่อล่อเป้าหมายให้ติดกับเพื่อทำการจับกุมภายหลัง ทำลายชีวิตเป้าหมายทุกๆรูปแบบ เหยื่อหลายคนถูกดึงเข้าไปในเกมจิตวิทยาบัดซบนี้จนถึงขั้นฆ่าตัวตายก็มีไม่ น้อย

เป้าหมายของการ “จ๊ะทิงจา” คืออะไร?

เป้า หมายคือการแยกเหยื่อออกจากสังคมและความช่วยเหลือ เพื่อกลั่นแกล้งเพื่อความสะใจ หรือเพื่อเตรียม set up การจับกุมในอนาคต ส่วนใหญ่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือ (หลังการจับกุม) จนถึงขั้นกดดันให้เป้าหมายนั้นฆ่าตัวตาย เป้าหมายหลักของการ
“จ๊ะทิงจา” คือการทำลายชื่อเสียงรวมทั้งความน่าเชื่อถือ และทำให้เหยื่อนั้นดูเหมือนบ้า หรือ มีปัญหาเกี่ยวกับจิต

เป้าหมายอีกอย่างของการ
“จ๊ะทิงจา” คือการกระตุ้นเหยื่อให้เกิดความอ่อนไหว โดยนำหลักการจิตวิทยามาใช้เพื่อควบคุมเหยื่อ วิธีนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า Sensitizing

ข้อแนะนำหากคุณคือเป้าหมายของการ "จ๊ะทิงจา"

หากคุณคิดว่าคุณกำลังเป็นเหยื่อของกลุ่มคนเหล่านี้สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ "นิ่งไว้" และอย่าได้แสดงความรู้สึกออกมาแม้ว่าสถานการณ์รอบข้างนั้นจะผิดปกติเพียงใด และที่สำคัญ "อย่าเพิ่งคิดอะไรไปเอง" คุณต้องเริ่มทำความเข้าใจเสียก่อนว่าเบื่องหลังและที่มาของปัจจัยรอบข้าง ต่างๆที่กำลังทำให้เรานอยด์นั้นเป็นเพราะอะไร และเมื่อคุณได้เพียง "รู้" เท่านั้นแหละมันก็จะกลายเป็น "อาวุธที่ดีที่สุดที่คุณมี" ที่จะใช้ในการปกป้องตัวคุณเองจากจิตวิทยาเกมบัดซบที่คนเหล่านี้กำลังดึงคุณ เข้าไปเล่น คนพวกนี้ถูกฝึกมา เหมือนที่มนักแสดงและผู้กำกับ พวกเค้าจะใช้เวลาศึกษาคุณอย่างละเอียด และเข้าใจพฤติกรรมคุณอย่างดี ผมเองก็อยากที่จะเจอผู้กำกับกับเค้าซะที แน่นอน...ผมคงมีผู้กำกับส่วนตัวของผมอยู่แล้วแต่ไม่เคยรู้เท่านั้นเอง

จำไว้ "No Player - No Game" และเมื่อคุณทำความเข้าใจกับมันได้เมื่อไหร่ ก็ถึงตาคุณที่จะต้องช่วยตัวคุณเอง!